วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ช้อปปิ้งแหลก แหวกธรรมชาติงาม ที่ผนึกกันไว้ที่เดียว ณ หาดใหญ่

วันหยุดยาวทั้งที หลายๆ คนก็มักจะนึกถึงสถานที่เที่ยวซักแห่งให้กับตัวเอง หลายๆ คนอาจชอบธรรมชาติที่ผ่อนคลาย เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองที่ชินชา แต่บางคนก็เลือกที่จะหาแหล่งช้อปปิ้งที่เพลิดเพลินให้กับตัวเองตามฉบับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง

แล้วถ้าเป็นสถานที่ที่มีทั้งความผ่อนคลายในแบบธรรมชาติผสมผสานกับความเป็นเมืองที่สามารถช้อปปิ้งได้ในที่เดียวกันล่ะ?...มันก็คงน่าสนุกไม่น้อยใช่ม้า...? หากพูดถึงแหล่งช้อปปิ้งที่ชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็นกรุงเทพฯ ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วนั่นแหล่ะ แต่หากมองหาความเป็นธรรมชาติก็คงจะหาได้ยากนัก

ถ้าอย่างนั้น...สถานที่ที่มีทั้งธรรมชาติและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่อยู่ด้วยกันในประเทศไทย มันจะมีด้วยอย่างนั้นเหรอ? ..ถ้าตอบว่ามีล่ะ อยากรู้มั้ยล่ะว่ามันคือที่ไหน...? ฮิๆ

หาดใหญ่ ชื่อนี้หลายคนคงจะเคยรู้จักกันดี คุยไปคุยมากับคนใกล้ตัวมากมาย เกินกว่าครึ่งเคยไปมาแล้วทั้งนั้น ก็น่าแปลกดีนะคะที่โลกกลมแบบนี้ หรือมันอาจจะเป็นสถานที่โดดเด่นที่มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้แวะเวียนไปก็ได้ ถามใครก็มีเหตุผลในการไปที่นั่นต่างกันไป แต่ที่นี่แหล่ะค่ะ สถานที่ที่เราบอก

แหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งธรรมชาติและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่อยู่ด้วยกันในอำเภอเดียว!

จริงๆ แล้วก็แปลกอยู่นะ ที่เขียนประสบการณ์ในการท่องเที่ยวบ้านเกิดตัวเอง ใช่แล้ว...อ๋อเป็นคนหาดใหญ่ แต่ที่ทำให้ตัวเองสามารถอินกับท่องเที่ยวในสถานที่ที่คุ้นเคยบ้างอยู่แล้วได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า อ๋อห่างจากหาดใหญ่มาอยู่ที่กรุงเทพฯหลายปีแล้วน่ะสิ กลับไปอีกที มันก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป ใช่ว่าน้อยนะคะ เรียกว่าเยอะขึ้นมากเลยทีเดียวล่ะ ความรู้สึกมันเลยกลายเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ที่ต้องให้เพื่อนมาเป็นไกด์ว่ามีที่ไหนใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยไปบ้าง

แถมอีกเหตุผลนึงคือ โดยปกติแล้ว ถ้าอยู่บ้านตัวเอง เราก็จะไม่ค่อยไปช้อปปิ้งของฝากหรือของแปลกๆ อะไรมากมาย ด้วยความที่ใกล้ตัวอยู่แล้ว แต่เรียกว่าเป็นโอกาสนึงดีกว่า ที่การกลับไปหนึ่งครั้ง มันก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ และการคาดหวังจากเพื่อนร่วมงานหรือใครๆ ที่กรุงเทพฯ ก็มักจะถามถึงของฝาก และเตือนว่าอย่าลืมทุกครั้งไป เคยเจออยู่บ้างใช่ม้า?...นั่นแหล่ะค่ะ การช้อปปิ้งในบ้านเกิดตัวเองมันถึงสนุกขึ้นไงล่ะ ^^



เริ่มต้นการเดินทางสู่หาดใหญ่ อันหลากหลายรูปแบบที่คุณสะดวกต่างกันไป อันนี้น่าจะหนักไปทางกระเป๋าตังค์นะคะ อิอิ...ถ้าคล่องตัว ทรัพย์เยอะหน่อยก็บินเลยดีกว่า เอาแบบประหยัดแค่ Low Cost ก็พอ

ถ้าให้แนะนำนะคะ ปกติแล้ว อ๋อจะใช้สายการบินไทยแอร์เอเชีย เป็นสายการบินหลัก ราคาถูกที่สุดแล้ว แถมยังเป็นสายการบิน Low Cost ที่ดีที่สุดในโลกถึง 2 ปีซ้อนอีกด้วย (เขียนจบนี้คงแวะไปรับค่า PR 555+) พูดถึงอัตราค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ก็จะอยู่ประมาณ 1200-2000 บาท กำลังดีค่ะ ถ้าจองเร็วหน่อย ก็จะได้ไม่เกินนี้แน่นอน นอกเสียจากว่าคุณไม่ได้วางแผนการเดินทางล่วงหน้าแล้วบินด่วน มันก็อาจแตะไปถึง 3000 เลยล่ะ

แต่ถ้าเป็นการเดินทางบนบก ก็จะมีทั้งรถยนต์ส่วนตัว อันนี้ก็คงเสียค่าน้ำมันกันตามอัตราล่ะ แต่ถ้าเป็นรถไฟหรือรถทัวร์ เที่ยวนึงเอาแบบมาตรฐานก็ตั้งเที่ยวละ 800-1000 บาทค่ะ รวมไปกลับไปแล้วก็จะประมาณ 2,000 บาทที่จัดเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางหลัก

ระยะทางในการเดินทางไปถึงหาดใหญ่ ถ้ายึดกรุงเทพมหานครเป็นหลัก ก็จะอยู่ที่ 933 กิโลเมตรค่ะ แต่ถ้ามาจากจังหวัดอื่นๆ ก็คงต้องวัดกันตามระยะทางอีกทีนึง

ทีนี้ไปถึงหาดใหญ่แล้วจะเริ่มเที่ยวที่ไหนก่อนกันดี ถ้าไปด้วยรถไฟนะ ลงรถปุ๊ปออกจากสถานที ก็ถึงแหล่งช้อปปิ้งกลางเมืองปั๊ป แหม..แต่ของแบบนี้ยั้งใจไว้ตอนก่อนกลับคงจะดีกว่า จะได้ไม่เพิ่มภาระของหิ้วจนเกินไป

ในส่วนของที่พักของหาดใหญ่ เอาแบบประหยัดๆ หน่อย ก็อยู่ที่ 700-1000 บาทต่อคืนก็พอค่ะ ความสะดวกมี ความสบายก็ไม่ได้แย่นัก หรือถ้าเอาหรูกว่านั้นก็ 1000 – 2000 บาทต่อคืนไปเลยก็ได้ กลางเมืองหาดใหญ่มีโรงแรมให้เลือกมากมาย ถ้าเป็นช่วงเทศกาลสำคัญๆ ที่ทัวร์มาเลเซีย สิงคโปร์ลงก็อาจเสี่ยงต่อการเต็ม เพราะฉะนั้นจองล่วงหน้ามาจะดีกว่ามาก แต่ถ้าเป็นช่วงธรรมดาๆ ก็ลองเดินหาที่พักขณะนั้นไปเลย ก็เพลินดีเหมือนกัน สำหรับคนที่ชอบลุยๆ นะ

เพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับตัวในการที่จะเริ่มท่องเที่ยวอีกหลายแห่งในหาดใหญ่ สถานที่เที่ยวแรกที่แนะนำให้ไปเลยก็คือ สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนกาญจนวนิช ออกจากตัวเมืองหลักไปแค่ 6 กิโลเมตรเท่านั้น เอิ่ม...ฟังไปเหมือนจะเชยนะคะ ไปเดินทำไมสวนสาธารณะเนี่ย?!? แต่จริงๆ แล้ว มันใช่สวนสาธารณะที่มีทำได้แค่เดินเล่น นั่งพักผ่อน ปั่นเรือเพลินๆ ซะที่ไหนกันล่ะ พวกนั้นก็มีอยู่แล้วล่ะ แต่สวนสาธารณะของหาดใหญ่แห่งนี้ มันมีอะไรมากกว่านี้ต่างหาก

จากอดีตมา ในวัยเด็กชอบมาที่นี่ด้วยเหตุผลนึงก็มี มันเป็นสวนสัตว์ในตัวด้วย มีสัตว์หลากประเภทให้เดินชม จระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็เคยอยู่ที่นี่มาแล้วนะเออ...ทั้งที่ไม่ใช่สมุทรปราการนะ อิอิ แต่ตอนนี้มันถูกย้ายไปสวนสัตว์สงขลาหมดแล้วล่ะค่ะ

อยากจะวิ่งเล่น ให้อาหารปลา ปั่นเรือ พาลูกๆ ไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ก็มีหมด แต่ถ้าเบื่ออะไรที่ซ้ำซากแบบนี้ก็เปลี่ยนไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ดู

เริ่มจากข้างล่างนี่แหล่ะ ที่มีพระประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ให้ผู้คนได้มาสักการะ บูชากัน ถ้าเป็นวันปิยะมหาราช จะมีข้าราชการ และประชาชนมากมายมาสักการะเป็นพิธีใหญ่ประจำทุกๆ ปีเลยทีเดียว บริเวณใกล้ๆ กันนั้น ยังมีสวนดอกไม้สีสันสวยงามให้ได้ถ่ายรูปเล่นกัน และสวนนกขนาดใหญ่ ที่ให้ความเป็นธรรมชาติสุดๆ

อยู่ที่ราบด้วยกิจกรรมแค่นี้เหมือนชักจะเบื่อนะคะ อิอิ งั้นเปลี่ยนขึ้นไปอยู่ที่สูงกันบ้างดีกว่า...อ๊ะ! ไม่ได้จะพาไปขึ้นภูขึ้นดอยที่ไหนนะคะ แต่จริงๆ แล้ว สวนสาธารณะหาดใหญ่แห่งนี้มันตั้งอยู่ที่เชิงเขาคอหงส์ต่างหาก ซึ่งเป็นภูเขาที่ทอดยาวเป็นแนวไปตามเส้นถนนกาญจนวนิช ที่เป็นเส้นทางวิ่งออกนอกเมืองสู่อำเภออื่นๆ ค่ะ

ดังนั้นบนเขาแห่งนี้จึงมีสถานที่สำคัญๆ ให้ขึ้นไปเที่ยวชมอีกเยอะเลยทีเดียว จากข้างล่างขึ้นไป ก็ต้องมีรถยนต์ หรือไม่ก็อาจจะต้องเหมารถตุ๊กๆ ขึ้นไปเลยก็ได้ ราคาไม่น่าจะเกิน 200 – 300 บาทนะคะ ให้เค้าเวียนให้ครบทุกที่ และรอพาเราลงด้วยกันหลังเที่ยวเสร็จแล้ว แต่ในอนาคตจะสะดวกกว่านี้มาก เพราะตอนนี้กำลังมีโครงการสร้างกระเช้าลอยฟ้าที่สามารถวิ่งชมทิวทัศน์ของเมืองขึ้นสู่ภูเขาลูกนี้ได้เลย เจ๋งเนอะ!...ไม่ต้องข้ามไปถึงเก็นติ้ง มาเลเซียก็ได้ แต่ที่ไทยของเราก็มี อิอิ นึกแล้วก็ชักรอไม่ไหวแล้วล่ะ ถ้าถึงเวลานั้นสงสัยคงต้องหาโอกาสไปอีกที ^^

เอาล่ะ ที่นี้มาถึงจุดแรกที่จะแวะกันก่อนอย่างท้าวมหาพรหม ซึ่งอยู่ในส่วนที่สูงที่สุด บนยอดเขาชุมสัก และถ้ามองลงไปก็จะมองเห็นพระพุทธรูป กับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่อยู่ต่ำลงไปอีกส่วนหนึ่งของภูเขา เสร็จจากตรงนี้เราก็ไปต่อยังจุดที่เราเล็งจากตรงนี้กันเลย

จากท้าวมหาพรหม สามารถมองไปยัง "พระพุทธมงคลมหาราช" บนเขาอีกลูกได้

นั่งรถเวียนลงมาอีกทาง คราวนี้เรามาสักการะพระพุทธรูปประจำเมืองกันต่อ ซึ่งมีชื่อว่า “พระพุทธมงคลมหาราช”


บริเวณนี้เป็นมุมสบายตามาก เนื่องจากว่าถูกสร้างพื้นที่ให้เป็นที่โล่งกว้างชมวิวไปได้ไกลสุดสายตา เห็นบ้านเรือน ตึกอาคารต่างๆ รวมไปถึงศูนย์กลางช้อปปิ้งของเมืองหาดใหญ่ และหากมองไปอีกทาง ยังสามารถมองเห็นทะเลสาบสงขลาที่อยู่ตรงอำเภอเมืองถัดไปไม่ไกลอีกด้วย

ถ้าอยากจะเก็บภาพความประทับใจ ตรงนี้ล่ะเหมาะมาก เพราะขนาดตัวเองเป็นคนหาดใหญ่แท้ๆ ยังเห่อทุกครั้งที่ไปเลย วิวสวยมากๆ ฉากหลังที่เป็นเมืองกับธรรมชาติของพื้นหญ้า ต้นไม้ที่ประกอบเข้าด้วยกัน มันลงตัว น่าประทับใจจริงๆ ค่ะ

ถัดลงไปข้างล่างที่ต่อเนื่องกัน เป็นองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ปางประทานพร ซึ่งสร้างด้วยหยกสีขาว โดยฝีมือช่างชาวจีน มณฑลเห่ยเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งองค์แบ่งเป็นหินหยกขาว จำนวน 8 ท่อน มีขนาดความสูง 9.9 เมตร น้ำหนักโดยรวมประมาณ 80 ตัน ภายใต้ที่ประดิษฐาน จัดทำเป็นห้องโถง 8 เหลี่ยม ซึ่งแต่ละมุมจะเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นเซียนทั้ง 8 องค์ ตรงกลางของห้องโถง จัดทำเป็นเสาขนาดใหญ่ ซึ่งมีองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานพรขนาดความสูงประมาณ 19.9 นิ้ว เป็นจำนวนมาก วางอยู่รอบเสา ซึ่งที่นี่จะมีการจัดตกแต่งด้วยสวนดอกไม้และจัดทำซุ้มประตู ให้ร้านบริการเครื่องดื่มและร้านจำหน่ายวัตถุมงคล ซึ่งอยู่ในความดูและของเทศบาล (อ้อ! ข้อมูลที่เคยรู้มาอีกอย่าง คือ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่สร้างด้วยหินหยกขาวองค์ใหญ่นี้ มีเพียงแค่ 3 แห่งในโลกเท่านั้นนะคะ)



หากถามถึงช่วงเวลาเหมาะๆ ที่น่าจะขึ้นไปบนเขาคอหงส์แห่งนี้ที่สุด อ๋อว่าให้มีแสงสำหรับถ่ายรูปได้พอดี รวมกับการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ครบ ก็น่าจะซัก 4 โมงเย็นกำลังดีค่ะ เพราะมันเป็นช่วงคาบเกี่ยวเวลาที่ดี เพราะพอถึง 6 โมงกว่าๆ มันก็จะค่ำลง วิวที่เราได้มองก็จะเปลี่ยนไปอีกรูปแบบนึง จากสว่างตา ก็จะเริ่มเห็นพระอาทิตย์ตก ยิ่งทอดสายตาไปทางทะเลสาบสงขลาแล้วล่ะก็ ว้าวว!!...อเมซซิ่งสายตามากๆ พอแสงแดดเริ่มหมดไป แสงไฟจากตึก อาคารบ้านเรือนก็จะเข้ามาแทนที่ กลายเป็นได้ชมเมืองหาดใหญ่ในบรรยากาศค่ำคืนที่แสนโรแมนติก นั่นแหล่ะค่ะการสัมผัสทิวทัศน์ของสองช่วงเวลาที่คุ้มค่ามากๆ เลย....คริๆ

ลงจากเขามาถึงก็ค่ำแล้ว หิวๆ อย่างนี้ควรไปหาของกินในฉบับไม่คุ้นเคยกับชีวิตประจำวันเดิมๆ กันดูบ้าง หาสักหนึ่งแหล่ง เดินเท้าเพลินๆ ก็สนุกดีนะคะ ที่นี่จะมีแหล่งของกินยามค่ำคืนเยอะค่ะ โต้รุ่งเลยล่ะ อยากไปเป็นโซนๆ หรือระบุเป็นร้านเลยก็ได้ ที่ฮิตๆ มากกกก...ก็จะเป็นร้านน้ำชา ที่วัยรุ่นและคนทำงานฮิตมากๆ ชื่อเหมือนเน้นขายน้ำชา แต่จริงๆ ไม่ใช่นะคะ มันเป็นเหมือนร้านของว่างมีน้ำชาเป็นออเดิร์ฟแต่สามารถสั่งน้ำอื่นๆ มาดื่ม พร้อมอาหารที่มีทั้งมื้อหนักและทานเล่นด้วย แล้วแต่ร้านต่างกันไปค่ะ

ร้านที่ดังๆ และแนะนำก็คือร้านสวนลุงเจิม ไม่ใช่ร้านหรูหราโดดเด่นอะไรนะ แต่มันเป็นมุมชิลๆ และอาหารหลากหลายดี ถ้านัดเพื่อนมาคุยเสียงดังเฮฮาได้ ร้านนี้นี่แหล่ะค่ะที่เหมาะ มันก็เลยฮิตไง อิอิ

บางค่ำคืนหากอยู่ต่อหลายวันอาจจะเป็นไปเดินโซนหน้าวัดฉื่อฉางที่เป็นวัดจีนก็ได้ค่ะ เดินยาวไปตลอดแนวก็มีอาหารของว่างให้เลือกทานไม่รู้จักเบื่อ ถ้าไม่อิ่มซะก่อนนะ ที่หาดใหญ่คนจีนจะเยอะ ย่านนี้คนจีนก็เยอะเหมือนกัน อาหารเลยค่อนข้างหลากหลายทั้งไทยและจีน ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ข้าวต้ม หมูสเต๊ะ ร้านข้าวทั่วไป หรืออาหารหวานอย่างบัวลอยไข่หวาน และอะไรอีกมากมาย เดินไปเถอะค่ะ เห็นอะไรที่สะดุดลาบปากก็คงจะเลือกทานตามใจตัวเองไม่น่าเบื่อหรอก อิอิ

สำหรับอ๋อโอกาสกลับไปทั้งทีก็อยากจะไปนั่งชมบรรยากาศแสงสีรอบเมืองแบบระยะใกล้ๆ หรูเล็กๆ ก็ต้องที่นี่เลยค่ะ สกาย บุฟเฟต์ชั้น 33 สูงสุดของโรงแรมลีการ์เด้นท์พลาซ่า ซึ่งอยู่กลางเมืองหาดใหญ่เลย ด้านล่างนักท่องเที่ยวจะเดินกันพลุกพล่าน แต่ข้างบนก็จะได้ทานอาหารในมุมสงบด้วยราคา 149 บาทต่อหัวเท่านั้นเอง อาหารก็จะมีอาหารคาวทั่วไป ตามด้วยขนมหวานในแบบฉบับบุฟเฟต์ทั่วไปนี่ล่ะค่ะ แต่ที่มากกว่านั้นมันเพลิดเพลินกับการชมบรรยากาศด้วยมากกว่า

มาถึงยามดึก ใครที่เป็นขาแดนซ์แล้วรู้สึกว่าวันนี้ยังไม่จบสนิท กะเอาให้เต็มแม๊กซ์หน่อยมาเที่ยวทั้งที่ ไปต่อผับกันได้เลยค่ะ ที่นี่วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเยอะอยู่แล้ว ก็เลยมีให้เลือกหลากที่เลยล่ะ ใครไม่ชอบแอลกอฮอล์หรือความมืดฉบับผับวี๊ดวิ่ว ก็ไปร้องคาราโอเกะได้ค่ะ ร้านเฉพาะแบบวัยรุ่นน่ารักๆ ก็มี หรือจะเป็นกึ่งห้องอาหารก็มากมาย แดนซ์จนขาระบม หรือร้องเพลงคนคอแหบคอแห้งแล้วค่อยกลับไปนอนหลับให้สบายล่ะกัน อิอิ


ภาพซ้ายมองจากตึกชั้น 33 ลงไปจะมีตึกสูงมากมาย ส่วนตรงช่องกลางนั้นจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งหลากร้านค่ะ


หมดหนึ่งวันในหาดใหญ่แล้ว พรุ่งนี้ลองเปลี่ยนที่เที่ยวจากในเมืองไปดูธรรมชาติบ้างก็ดีนะ ^^

เช้าวันต่อมา...มื้อเช้าเหมาะๆ ก็คงเป็นพวกติ่มซำล่ะ ถ้าไปโซนถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักในการช้อปปิ้ง แถวนี้ก็จะมีร้านอาหารจีนพวกติ่มซำอยู่ค่ะ ที่มักจะพูดถึงคือ บะกุ๊ดแต๋ ซึ่งเป็นน้ำซุปยาจีน ที่บำรุงสุขภาพด้วยในตัว ในซุปจะมีพวกซี่โครงหมูอ่อนตุ๋น เห็ด หรือถ้าอยากจะใส่เครื่องในก็สามารถสั่งได้ค่ะ อันนี้คนต่างจังหวัดมักจะงง แต่พอได้มาทานก็จะเป็นที่พูดถึงว่าได้ไปทานมาตอนไปเที่ยว ซึ่งจะได้ยินบ่อยๆ เลย

ช่วงสายๆ ถึงบ่ายอาจจะลองไปเดินช้อปปิ้งกันซักรอบก่อนก็ได้ ช่วงเย็นๆ ค่อยไปน้ำตกอีกที รอให้แดดร่มซักหน่อยก่อน ถ้าเดินจาก
ถนนธรรมนูญวิถี จากสถานที่รถไฟที่พูดถึงในตอนแรกตัดมาก็จะเจอถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 โซนเดียวกับที่กินพวกติ่มซำนั่นแหล่ะ ตรงนั้นก็จะมีห้างโอเดียน ศูนย์การค้าสันติสุข ฯลฯ ที่เป็นสินค้าปลอดภาษี ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาไกลส่วนใหญ่มักจะหาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์นู่นนี่ตามต้องการ ราคาที่ได้ก็ค่อนข้างจะถูกมากกว่าทั่วไป ช้อปตรงนี้ถ้าเดินตัดเข้าถนนเสน่หานุสรณ์ซึ่งเลี้ยวมาจากห้างโอเดียน ตรงนั้นก็จะเป็นถนนเล็กๆ มีห้างเซ็นทรัล และห้างที่มีโรงแรมในตัวชื่อลีการ์เด้นท์ พลาซ่าอยู่ (ก็ที่เดียวกับที่ไปหม่ำบุฟเฟ่ต์นั่นแหล่ะค่ะ อิอิ) ที่นี่วัยรุ่นก็มักจะมาเดินเล่น นัดเพื่อนฝูงดูหนัง ร้องคาราโอเกะ ทานข้าวกันตามใจชอบ

บริเวณถนนเล็กๆ ที่ตัดหน้าห้างลีการ์เด้นท์ซึ่งอยู่ตรงข้ามห้างเซ็นทรัล ถ้าเป็นช่วงเทศกาลก็อาจมีการปิดถนนจัดงานใหญ่ ในปีนึงก็ค่อนข้างมีขึ้นบ่อย เช่น งานสงกรานต์ งานปีใหม่ หรือเทศกาลต่างๆ ของจีนค่ะ เป็นอะไรที่สนุกและเพลินดี นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเยอะมาก มีลานเบียร์พวกนี้รองรับด้วย ส่วนกิจกรรมก็มีแตกต่างกันไป นี่แหล่ะที่แนะนำว่าถ้ามาช่วงเทศกาลจะสนุกคุ้มกว่าเยอะเลย ^^ และถ้าจองที่พักไว้แถวนี้ ออกมาเดินทีก็ชิลเลยล่ะ อิอิ

ช่วงซักประมาณบ่าย 3 น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะแก่การไปเที่ยวน้ำตกที่สุด ซึ่งน้ำตกที่เราไปชื่อ “น้ำตกโตนงาช้าง” ค่ะ อยู่ในหาดใหญ่นี่แหล่ะ แต่จะต้องเดินทางออกไปโซนนอกหน่อย ทางเดียวกับสนามบินหาดใหญ่ ไม่ไกลกันมาก น้ำตกที่นี่จะมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครขึ้นไปถึงชั้นบนสุดหรอก อันตรายเกินไป แค่ชั้น 3 หรือ 4 ก็หรูแล้ว อิอิ นั่งดูเพื่อนเล่นน้ำไป เล่นเองไป ได้ความชุ่มฉ่ำกลับไปได้ประทับใจอีกแบบ ที่อยากแนะนำอย่างนึง ก็คือ ถ้ามาหาดใหญ่แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองไก่ทอดหาดใหญ่นะคะ อันนี้ของแท้ค่ะ ไม่ติดป้ายหลอก ยิ่งถ้าได้ทานหอมเจียวจะอร่อยมากๆ นั่นแหล่ะค่ะ ซื้อติดมานั่งทานริมน้ำตกด้วย อร่อยพร้อมได้ชมธรรมชาติที่มันกลมกล่อมมากเลยล่ะ ฮิๆ


กลับจากน้ำตก ถ้ามีแรงไหว แวะกลับที่พักซักแป๊ปก็ไปหาของกินกันต่อ ที่นี่มีตลาดน้ำด้วยนะ แสดงถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมถิ่นใต้มากๆ เดินเข้าไปถึงเสียงเพลงโนราห์ต้อนรับเลยล่ะ เพราะจะมีเด็กๆ ซ้อมรำอยู่ที่ศาลาบนฝั่ง ซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้มีชื่อว่า “ตลาดน้ำคลองแห” ค่ะ เพิ่งสร้างได้ไม่นานเอง ตัวเองกลับไปที ถือว่าได้ที่เที่ยวใหม่ที่ไม่คุ้นเคยไปด้วยเลย บรรยากาศก็ชิลอีกแบบจากตลาดน้ำที่เคยไป ไม่เบียดเสียดมาก ข้ามสะพานไปก็มองลงไปข้างล่างชมวิว และมองเห็นเรือแจวจอดเทียบท่าเต็มไปหมด ซึ่งจะมีแม่ค้าขายอาหารหลากหลายกันไปค่ะ ทั้งของคาวและของหวาน อยากกินอะไรเดินให้คุ้มเลย คิดว่าอนาคตคงจะพัฒนาอะไรไปเรื่อยๆ ให้น่าสนใจกว่านี้


ตลาดน้ำคลองแหที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายมากมายให้เดินเที่ยวลองลิ้ม

ที่นี่เคยออกรายการท่องเที่ยวทางทีวีด้วย เลยทำให้ยิ่งอยากมานี่แหล่ะ เพราะเราเป็นคนที่นี่แท้ๆ หรือต่อให้เป็นแค่นักท่องเที่ยวก็เหอะ มาหาดใหญ่ทั้งที เรื่องอะไรจะไม่ไปล่ะ อิอิ ได้รสชาติอีกแบบนะ ชอบการเที่ยวอารมณ์นี้มากเลยล่ะ ถูกใจๆ สุดๆ

บางคนอาจใช้เวลา 3 วันในการปักหลักอยู่ที่นี่กำลังดีเลย เพราะฉะนั้นวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับแล้ว การไปช้อปปิ้งในหาดใหญ่อย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็คงเป็นอะไรที่น่าสนใจที่สุด


ตลาดกิมหยง หาดใหญ่ ชื่อนี้บางคนน่าจะคุ้นบ้างเนอะ เพราะที่นี่เป็นตลาดที่รวมขนมของฝาก รวมไปถึงสินค้าเครื่องใช้ที่ปลอดภาษีด้วยเหมือนกัน ใครจะซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เกาลัดอร่อยๆ ถั่วพิสตาชิโอ บ๊วย ลูกพรุน ของคบเคี้ยวเล่นแนวนี้ ก็ไปชั่งกิโลกันเลยค่ะ กี่ขีดๆ สั่งได้ อันนี้แหล่ะตัวฮอตเลย เพื่อนที่ออฟฟิศคนนั้นคนนี้ฝากไม่ซ้ำกันเลย บางคนก็เอาข้าวเกรียบ หรือออกไปทางขนมน่ารักๆ หน่อยก็พวกช็อกโกแลต เวเฟอร์ ขนมปังกรอบ สาหร่าย ลูกอม และอื่นๆ อีกมากมาย อันนี้ล่ะแนวโปรดส่วนตัวเลย แถมกลับมาทีก็จะต้องนั่งลิสท์ว่าจะซื้ออะไรไปฝากใครดี บางทีซื้อถุงใหญ่ๆ ไปตั้งในออฟฟิศ อยากกินอะไรก็กินกันเลย อิอิ ได้ช้อปทีก็เพลินเชียวล่ะ


ถามว่ามาไกลถึงหาดใหญ่นี้ หมดที่เที่ยวหรือยัง? มันก็ยังมียิบย่อยอีกนะคะ เพราะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่พัฒนามากๆ เหมือนกรุงเทพฯย่อส่วนเลยล่ะ ซึ่งหาดใหญ่จะมีแหล่งที่นับเป็นศูนย์การค้ามากกว่า 40 แห่ง สถานที่ท่องเที่ยวทั้งเด่นๆ และเล็กๆ น้อยๆ รวมแล้วก็กว่า 30 แห่ง

คุยกับหลายๆ คนที่ไม่เคยไป มักจินตนาการไม่ออกว่าหาดใหญ่ที่ว่าเนี่ย มันเป็นเมืองแค่ไหน อาจคิดกันว่าแค่เหมือนในเมืองของแต่ละจังหวัด จริงๆ ไม่ใช่เลยค่ะ เพราะมันมีตึกมากมาย เป็นเมืองขนาดย่อมเลย นึกถึงกรุงเทพฯในบางโซนดูนะคะ แล้วเอามันไปย่อส่วนอยู่ในอำเภอเดียว นั่นล่ะค่ะ เมืองหาดใหญ่ หรือเรียกให้ตรงกว่าก็คือ “นครหาดใหญ่” นั่นเอง

เริงร่าอยู่ในเมืองสลับกับการชมธรรมชาติในตัวในที่เดียวกันของหาดใหญ่กันแล้ว ได้ความเพลิดเพลินผ่อนคลายไม่น้อยเลย ใครไม่เคยไป ก็คงต้องลองดู เพราะให้นั่งนึกภาพตาม นึกยังไงก็คงไม่เท่าอยู่ในบรรยากาศเองหรอก ฮิๆ...และในอนาคตถ้าไปจังหวะดีๆ หน่อย ก็คงได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า ท้องฟ้าจำลอง และสวนสนุกหาดใหญ่ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังอยู่ระหว่างการสร้างค่ะ เสร็จเมื่อไหร่หาดใหญ่คงเป็นสถานที่เพลิดเพลินลัลล้ากว่านี้อีกเท่าตัวเลย

พูดแล้วก็อยากกลับไปอีกรอบแล้วสิ ... ใครอยู่นานอยากเที่ยวจุใจกว่านี้ก็ลองแว้บไปอำเภอข้างๆ หรือประเทศข้างบ้านก็ยังได้เลยค่ะ อย่างเช่น ทะเลสาบสงขลา สะพานติณสูลานนท์ที่พาคุณข้ามทะเลให้ลมพัดเล่นสบายจนลืมความกังวล หรือพิพิธภัณฑ์ของเก่าตรงสถาบันทักษิณคดี ทอดสายตามองลงมาชมสะพานก็เพลินตาดี


แล้วประเทศข้างบ้านที่ว่าล่ะ ไปยังไง? ก็นั่งรถไปนี่ล่ะค่ะ ชิลๆ กับประเทศมาเลเซีย ถ้าจองทัวร์ได้ ก็ใช้เวลาเข้าไปเมืองหลวงที่นั่น 6 ชั่วโมงเอง แนะนำให้ไปเก็นติ้งนะคะ อ๋อไปมาแล้วชอบมากๆ คาสิโน กับสวนสนุก เล่นเอากรี๊ดมากๆ ยังอยากกลับไปอีกรอบเลย ขากลับก็แวะตึกคู่ที่กัวลาลัมเปอร์เพื่อถ่ายรูปซักหน่อย ทีนี้คุณก็จะมีภาพประทับใจสวยๆ เพิ่มเติมกลับมาอวดเพื่อนด้วย แต่ถ้าคุณไม่มีพาสปอร์ตนะ ก็หารถขับเข้าไปด่านนอกแถวนั้นก็พอค่ะ แค่วางบัตรประชาชน ก็สามารถเข้าไปช้อปของหนีภาษีภายในด่านประเทศเค้าได้แล้ว ก่อนออกมาก็แวะซื้อช็อกโกแลตจากดิวตี้หน่อย คุณก็จะได้ช็อกโกแลตของมาเลเซีย ซึ่งอร่อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกติดมือมาลิ้มลองก็สนุกปากดีใช่มั้ยล่ะ...เอิ๊กๆ

สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น ถ้ามีโอกาสก็คงต้องลองไปสัมผัสดูเอง เบื่อเมืองก็ออกป่าเขา ลำเนา น้ำตก ทะเล เบื่อป่าก็เดินช้อปในเมืองให้เพลิดเพลิน จะมีสักกี่ที่กันที่มีสิ่งเหล่านี้รวมตัวอยู่ในที่เดียวกันโดยไม่ต้องเดินทางข้ามไปไกลให้เปลืองเวลา ยังไงซะไปแล้วก็อย่าลืม “ช้อปปิ้งแหลกให้คุ้มกระเป๋า พร้อมแหวกธรรมชาติให้คุ้มความเพลิดเพลิน” เต็มที่ไปเลยนะคะ ก็เพราะทั้งหมดมันรวมกันไว้ ณ ที่ “หาดใหญ่” ทีเดียวอยู่แล้ว ทีนี้คุณจะรู้ว่านั่นแหล่ะ คือ ความประทับใจที่คุ้มสุดๆ
แล้ว ^_________^

9 ความคิดเห็น:

  1. พอมาอ่านแล้วอยากไปเที่ยวจังเลย



    ^______________________,^

    ตอบลบ
  2. เคยไปแล้ววววววววว แจ่มดี ชอบๆๆๆ อ่านแล้วอยากไปอีกเลย

    ตอบลบ
  3. อ่านแล้วน่าสนใจมากครับ อย่าลืมแวะมาเที่ยวเขาใหญ่บ้างนะครับ

    ตอบลบ
  4. ฝันอันหนึ่งเชียวละ อยากไปก่อนจะจากโลกนี้

    ตอบลบ
  5. ^
    ^
    ^
    ^
    ^
    โหวววว...ขนาดนั้นเลยเหรอคะ
    มีอะไรดลใจพิเศษรึป่าวเอ่ย?? อิอิ

    ขอให้ได้ไปเร็วๆ นะคะ แล้วจะได้ความสนุกชัวร์ ^^

    ตอบลบ
  6. เขียนบล็อกได้เก่งมากทำให้อยากไปเที่ยวบ้าง

    ตอบลบ
  7. เคยไปมาบ้าง แต่นานมาก อ่านแล้วคิดถึงอยากไปอีกครั้ง

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ19 ตุลาคม 2553 เวลา 17:59

    เคยไปหาดใหญ่เมื่อ40ปีมาเเล้วสมัยเรียนที่K.L.อยากไปอีกเพื่อช๊อปอย่างว่าเเหละ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ19 ตุลาคม 2553 เวลา 18:06

    อยากเห็นภาพเเหม่มโป๊ๆตามเเบบฉบับfullmoonอ่ะ

    ตอบลบ